ทำไมกล้องติดตัว (Body Cameras) ไม่ใช่ GoPros?

"นี่ไม่ใช่ GoPro เหรอ?"

นี่คือคำถามจากผู้เยี่ยมชมบูธ Hytera ในโซน กล้องติดตัว (Body Worn Camera - BWC) ระหว่างการจัดแสดงสินค้า เขาแนะนำตัวว่าเป็นบรรณาธิการจากสื่อด้าน IT และยังเป็นเจ้าของ GoPro อีกด้วย บทสนทนาหลังจากนั้นเต็มไปด้วยข้อมูลที่น่าสนใจและบรรยากาศเป็นกันเอง

คำถามของเขาชวนให้คิด เมื่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเป็นผู้บุกเบิกตลาดในหมวดสินค้าหนึ่งๆ ก่อน คนทั่วไปก็มักจะใช้ชื่อแบรนด์นั้นเรียกสินค้าทั้งกลุ่ม เช่นเดียวกับที่หลายคนเรียกกล้องติดตัวว่า "GoPro" นั่นเอง เรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับเจ้าของแบรนด์ — แต่เป็นหัวข้อที่น่าพูดคุยในอีกโอกาสหนึ่ง

ถ้าเราพูดแบบกว้างๆ ว่า กล้องติดตัว หรือ กล้องแอ็กชัน (Action Camera) นั้น "ก็เหมือน GoPro" ก็คงไม่ผิดนัก แต่จริงๆ แล้ว หมวกใบนี้ไม่ได้พอดีหัวเสียทีเดียว

แม้ว่า กล้องติดตัว (Body Worn Camera หรือ Bodycam) และ กล้องแอ็กชันอย่าง GoPro (รวมถึง DJI และ Insta360 ที่กำลังเป็นที่นิยม) จะดูเหมือนทำหน้าที่คล้ายกัน เช่น การบันทึกภาพและเสียงในขณะเคลื่อนไหว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองมีจุดประสงค์และการออกแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

แนวคิดการออกแบบที่แตกต่างกัน (แทบจะตรงข้ามกันเลย)

GoPro ส่วนใหญ่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกช่วงเวลา พร้อมการแบ่งปันประสบการณ์เหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ กล้องแอ็กชันอย่าง GoPro จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพและวิดีโอ เข้าถึงไฟล์ แก้ไข และแชร์ไปยังอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ รวมถึงโพสต์บนโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

ในทางกลับกัน กล้องติดตัว (Body Worn Camera - BWC) มีแนวคิดการออกแบบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง กล้องติดตัวถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ตรวจสอบการเคลมประกันในระหว่างการปฏิบัติงาน การเข้าถึงข้อมูลจากกล้องติดตัวโดยตรงจากผู้สวมใส่นั้น ไม่อนุญาต เพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือ ความลับ และการคงอยู่ของหลักฐานที่ถูกบันทึกไว้

เพื่อป้องกันข้อมูลจากการถูกเข้าถึงหรือดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต ระบบกล้องติดตัวจึงมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น

• การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption)

• การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง (Access Controls)

• ระบบตรวจจับการแก้ไขข้อมูล (Tamper Detection)

• สถานีถ่ายโอนข้อมูล (Docking Station)

• การปกปิดข้อมูลส่วนบุคคล (Data Anonymization) และวิธีการอื่นๆ

ด้วยมาตรการเหล่านี้ องค์กรและหน่วยงานสามารถปกป้องข้อมูลจากกล้องติดตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ข้อมูลคงความน่าเชื่อถือและปลอดภัย เพื่อใช้เป็นหลักฐานและเครื่องมือด้านความรับผิดชอบในกระบวนการทำงาน

คุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

GoPro ในฐานะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับไลฟ์สไตล์ ถูกออกแบบมาเพื่อบันทึกความ "ยอดเยี่ยม" ของทุกช่วงเวลา ขณะที่ กล้องติดตัว (Body Worn Camera - BWC) ในฐานะอุปกรณ์สำหรับการทำงาน มีหน้าที่ในการบันทึก "ความจริง" อย่างสูงสุด ความแตกต่างขั้นพื้นฐานนี้สะท้อนให้เห็นในหลายๆ รายละเอียด ทั้งด้านการออกแบบฮาร์ดแวร์ อัลกอริทึม และฟีเจอร์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น:

· ระบบเลนส์ (Optics)

สำหรับ กล้องติดตัว ความคมชัดของสีไม่ใช่ตัวชี้วัดหลักเหมือนกับกล้องไลฟ์สไตล์อย่าง GoPro
BWCs ถูกออกแบบมาให้บันทึกภาพได้ดีในสภาพแสงที่หลากหลาย รวมถึงในที่แสงน้อยหรือกลางคืน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่พบได้บ่อยในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ แม้ทั้ง BWC และ GoPro จะมาพร้อมกับเลนส์มุมกว้าง แต่กล้องติดตัวถูกออกแบบมาเพื่อลดการบิดเบือนของภาพ พร้อมทั้งจับภาพได้ในมุมที่กว้างเหมาะสำหรับการบันทึกปฏิสัมพันธ์ต่างๆ

· การใช้งาน (Operation)

ผู้ใช้ GoPro จะเริ่มบันทึกวิดีโอด้วยตนเองเมื่อต้องการ แต่สำหรับกล้องติดตัวนั้น นอกจากการกดบันทึกด้วยมือแล้ว บางรุ่นยังสามารถสั่งการจากระยะไกลโดยหัวหน้างานในศูนย์ควบคุม หรือถูกตั้งค่าให้เปิดบันทึกอัตโนมัติเมื่อมีการดึงปืนออกจากซอง

· ฟีเจอร์และฟังก์ชัน (Feature/Functionality)

หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของกล้องติดตัวคือ การบันทึกล่วงหน้า (Pre-Event Recording) ซึ่งสามารถบันทึกภาพได้ตั้งแต่ไม่กี่วินาทีก่อนที่ผู้ใช้จะกดเริ่มบันทึกจริง จึงช่วยเก็บข้อมูลสำคัญก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ กล้องติดตัวบางรุ่นยังรองรับ 4G หรือ 5G ทำให้สามารถทำงานเป็นอุปกรณ์ตรวจการณ์เคลื่อนที่ เสริมการทำงานของกล้องวงจรปิด (CCTV) และช่วยเพิ่มการรับรู้สถานการณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ในศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์

อีโคซิสเต็มที่แตกต่างกัน

· ซอฟต์แวร์ (Software)

กล้องติดตัว (Body Worn Camera - BWC) ต้องสามารถเชื่อมต่อกับ ระบบบริหารจัดการพยานหลักฐานดิจิทัล (Digital Evidence Management - DEM) ได้อย่างไร้รอยต่อ, สตรีมข้อมูลวิดีโอแบบเรียลไทม์ไปยังศูนย์บัญชาการ, และต้องสามารถทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ ของเจ้าหน้าที่ เช่น ระบบ CAD ได้ด้วย ในหลายกรณีต้องมีการพัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มเติม เพื่อให้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์จากต่างผู้ผลิตเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในทางกลับกัน GoPro และกล้องแอ็กชันทั่วไปมีซอฟต์แวร์หรือแอปแบบครบวงจรจากผู้ผลิต พร้อมด้วยแอปพลิเคชันเสริมจากผู้พัฒนาภายนอกอีกมากมายให้เลือกใช้งานได้สะดวก

· ฮาร์ดแวร์อเนกประสงค์ (Multi-purpose Hardware)

สำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล้องติดตัวเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ อุปกรณ์ที่ต้องพกติดตัว เช่น วิทยุสื่อสาร, ไมโครโฟนลำโพง (Speaker Mic), PDA, ปืน, ปืนช็อตไฟฟ้า (Taser), กุญแจมือ และอุปกรณ์ EDC อื่นๆ ดังนั้นการลดจำนวนอุปกรณ์ลงได้ถือเป็นการลดภาระ

กล้องติดตัวบางรุ่นในตลาดสามารถทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนลำโพงสำหรับวิทยุสื่อสารได้ ทั้งแบบไร้สายและแบบมีสาย บางรุ่นยังรองรับฟีเจอร์ Push-to-Talk Over Cellular (PoC) ทำให้สามารถสื่อสารผ่านเครือข่ายมือถือได้ ซึ่งในบางสถานการณ์อาจแทนที่การใช้วิทยุสื่อสารได้เลย

· กฎระเบียบและนโยบาย (Regulation and Policy)

การมีกฎระเบียบและนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้กล้องติดตัวมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้การใช้งานเกิดความถูกต้องตามกฎหมาย มีจริยธรรม และมีประสิทธิภาพ กฎเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดเวลาที่ต้องใช้กล้อง วิธีจัดการข้อมูล การคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว และมาตรการเพื่อความรับผิดชอบ

เนื่องจากการใช้งานกล้องติดตัวมีผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและสิทธิของประชาชน รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกจึงเริ่มมีการออกกฎหมายควบคุมมากขึ้น เพื่อให้การใช้กล้องติดตัวสามารถสร้างความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจจากสังคมได้อย่างแท้จริง